นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Outsource Staff

หลักการ

    บริษัท วินเพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด ผู้ให้บริการงานด้านติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Outsource Staff ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศและข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจและความไว้วางใจในการบริหารจัดการที่เชื่อถือได้ โดยนโยบายนี้ อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของ Outsource Staff บริษัทจึงจัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Outsource Staff ให้ได้รับทราบ

ขอบเขต

    นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Outsource Staff ครอบคลุมการปฏิบัติ และมาตรการจัดการด้านความปลอดภัยของบริษัทเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และประมวลผลข้อมูลตามวัตถุประสงค์ภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูลสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล มาตรการด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาการจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึง วิธีการติดต่อบริษัท ตลอดจนสามารถนำไปปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Outsource Staff นี้

คำจำกัดความ

หมายความว่า บริษัท วินเพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด

หมายความว่า ข้อมูลที่สามารถระบุ หรืออาจจะระบุตัวบุคคลได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในที่นี้ให้หมายความถึง Outsource Staff

หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ประมวลผล ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

หมายความว่า บุคคลซึ่งมีหน้าที่ในการให้คำแนะนำ ตรวจสอบการดำเนินงานเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ประมวลผล ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงประสานงาน และให้ความร่วมมือกับทางการในการปฏิบัติตามกฎหมาย ตลอดจนดูแลให้มีการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล

การเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Outsource Staff เพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้
– เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างให้ได้มาถึงสินค้าและบริการ รวมถึง การชำระเงิน หรือเรียกเก็บเงิน
– เพื่อจัดการเรื่องร้องเรียนต่างๆ และดำเนินการตามคำขอเรียกร้องสิทธิ
– เพื่อการกำกับตรวจสอบ หรือการควบคุม และรักษาความปลอดภัย
– เพื่อการปฎิบัติตามกฎหมาย หรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

    ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมและอยู่ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับOutsource Staff นี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ไว้กับบริษัทโดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับบริษัทดังนี้
    1.Outsource Staff สำหรับกลุ่มงานหลักที่มีความสำคัญต่อธุรกิจของบริษัท
       ได้แก่ พนักงานที่ปฏิบัติงานติดตามทวงถามหนี้ งานติดตามเอาคืนทรัพย์สิน งานดำเนินคดี บังคับคดี ของบริษัทผู้ให้บริการภายนอก รวมถึง บุคคลธรรมดา

รายละเอียดข้อมูล

วัตถุประสงค์

 

ฐานการประมวลผล

ระยะเวลา

 

บริษัท/องค์กร

ที่รับข้อมูล

ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน รหัสพนักงาน, คำนำหน้าชื่อ, ชื่อ นามสกุล(ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ), ลายมือชื่อ, เลขประจำตัวประชาชน, ที่อยู่, วันเดือนปีเกิด, เพศ, สัญชาติ

ช่องทางติดต่อ ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล

บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน ชื่อนามสกุล , หมายเลขโทรศัพท์

1)  เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างให้ได้มาถึงสินค้าและบริการ รวมถึง การชำระเงิน หรือเรียกเก็บเงิน

2)  เพื่อจัดการเรื่องร้องเรียนต่างๆ และดำเนินการตามคำขอเรียกร้องสิทธิ

3)  เพื่อการกำกับตรวจสอบ หรือการควบคุม และรักษาความปลอดภัย

ฐานสัญญา

(Contact)

เก็บตลอดระยะเวลารับจ้างงาน หรือดำเนินการตามโครงการและอีก 10 ปี หลังสิ้นสุดการรับจ้าง หรือให้บริการเสร็จสิ้น หรือตามที่กฎหมายกำหนด

ไม่เปิดเผย

ข้อมูลที่ได้มาระหว่างปฏิบัติงาน การมาปฏิบัติงาน  (วัน-เวลาทํางาน), ผลการปฏิบัติงานตามสัญญาการให้บริการ

1)  เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างให้ได้มาถึงสินค้าและบริการ รวมถึง การชำระเงิน หรือเรียกเก็บเงิน

ข้อมูลอื่นๆ ได้แก่ บันทึกภาพและ/หรือเสียงผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV), วันที่มาติดต่อ, เวลาเข้า-ออก ใบลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม, รายงานการประชุม เป็นต้น

1)  เพื่อการกำกับตรวจสอบ หรือการควบคุม และการรักษาความปลอดภัย

2)เพื่อปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย

ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)

ไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 2 ปี

นับจากวันที่มีการบันทึกข้อมูล

ไม่เปิดเผย

    2.Outsource Staff กลุ่มงานที่ไม่ถือเป็นการใช้บริการจากบุคคลภายนอก
       ได้แก่ ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แม่บ้าน พนักงานรับส่งเอกสาร พนักงานขับรถผู้บริหาร เป็นต้น

รายละเอียด

วัตถุประสงค์

 

ฐานการประมวลผล

ระยะเวลา

บริษัท/องค์กร

ที่รับข้อมูล

ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน ได้แก่ รหัสพนักงาน, คำนำหน้าชื่อ, ชื่อนามสกุล (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ), ลายมือชื่อ, เลขประจำตัวประชาชน, ที่อยู่, วันเดือนปีเกิด, เพศ, สัญชาติ  

ช่องทางติดต่อ ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล

บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน ได้แก่ ชื่อนามสกุล, หมายเลขโทรศัพท์

ข้อมูลที่ได้มาระหว่างปฏิบัติงาน การมาปฏิบัติงาน (วัน-เวลาทํางาน)

1)  เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างให้ได้มาถึงสินค้าและบริการ รวมถึง การชำระเงิน หรือเรียกเก็บเงิน

2)  เพื่อจัดการเรื่องร้องเรียนต่างๆ และดำเนินการตามคำขอเรียกร้องสิทธิ

3)  เพื่อการกำกับตรวจสอบ หรือการควบคุม และรักษาความปลอดภัย

4)  เพื่อการปฎิบัติตามกฎหมาย หรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย

ฐานสัญญา

(Contact)

เก็บตลอดระยะเวลารับจ้างงาน หรือดำเนินการตามโครงการและอีก 10 ปี หลังสิ้นสุดการรับจ้าง หรือให้บริการเสร็จสิ้น หรือตามที่กฎหมายกำหนด

ไม่เปิดเผย

ข้อมูลใบประกอบวิชาชีพ คำนำหน้าชื่อ, ชื่อนามสกุล(ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ), เลขหมาย/เลขที่ใบอนุญาต เลขประจำตัวประชาชน, รูปถ่ายหน้าตรง วัน/เดือน/ปีเกิด, ที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์, ลายมือชื่อ

1)  เพื่อการกำกับตรวจสอบ หรือการควบคุม และรักษาความปลอดภัย

 

ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)

ไม่เก็บข้อมูล

ไม่เปิดเผย

ข้อมูลอื่นๆ ได้แก่ บันทึกภาพและ/หรือเสียงผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV), วันที่มาติดต่อ, เวลาเข้า-ออก ใบลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม, รายงานการประชุม เป็นต้น

1)  เพื่อการกำกับตรวจสอบ หรือการควบคุม และการรักษาความปลอดภัย

2)เพื่อปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย

ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)

ไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 2 ปี

นับจากวันที่มีการบันทึกข้อมูล

ไม่เปิดเผย

    หากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ และบันทึกเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด และจะไม่กระทำการใด ๆ แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เว้นแต่ 1. ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลทราบ 2. ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 3. เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้

  1. สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ โดยได้รับการแจ้งเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และรายละเอียดในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล วิธีการเก็บรวบรวม บุคคลที่จะได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาที่จัดเก็บ ช่องทางการติดต่อบริษัท
  2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสําเนาข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ไม่ได้ให้ความยินยอม
  3. สิทธิในการขอรับ ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนจากบริษัทในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ทั่วไปได้ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและขอให้ส่งหรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นด้วยวิธีการอัตโนมัติ
  4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้
  5. สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทดําเนินการลบ หรือทําลาย หรือทําให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยการใช้สิทธิดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
  6. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้
  7. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่สมบูรณ์ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปอย่างถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
  8. สิทธิในการขอถอนความยินยอม เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ตนได้ให้ความยินยอมไว้กับบริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  9. สิทธิในการตรวจสอบและยื่นข้อร้องเรียน หรือตรวจสอบกรณีข้อมูลรั่วไหล หรือมีการใช้ หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
   ทั้งนี้ ในการใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น บริษัทอาจปฎิเสธคำขอใช้สิทธิตามเหตุผลที่กฎหมายกำหนด หรือเหตุผลอื่นที่จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ หาก เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่บริษัทชี้แจง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถร้องเรียนไปยังสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้

การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งความประสงค์โดยจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นเดียวกัน โดยให้ใช้แบบคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มดังกล่าวได้จาก www.winperform.com การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิตามที่กล่าวข้างต้น บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดําเนินการหรือชี้แจงภายใน 30 วัน หรือไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด โดยบริษัทจะปฏิบัติตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้บริษัท ลบ ทําลาย จำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ชั่วคราว แปลงข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ก่อนระยะเวลาการจัดเก็บได้ ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคิดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจําเป็นต่อการเข้าดําเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ

มาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทมีการจัดการด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ และข้อมูลส่วนบุคคล อย่างเหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ โดยการกำหนดมาตรการเชิงเทคนิคและเชิงบริหารจัดการ วิธีปฏิบัติและสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฏหมายกำหนด รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมให้บุคลากรตระหนักรู้ถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยบุคลากรและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามนโยบาย และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทกำหนดไว้อย่างเหมาะสม

การพัฒนาและการคงไว้ซึ่งมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทมีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และคงไว้ซึ่งมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้งให้ความรู้และฝึกอบรมให้แก่บุคลากร พนักงาน หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ บริษัทกำหนดให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ทำหน้าที่ควบคุมตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลภายในบริษัทอย่างสม่ำเสมอ รวมถึง ประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง ขอบเขตการให้บริการ สัญญา และนโยบาย ตลอดจนบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ประกาศใช้อย่างเคร่งครัด

การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงานและพนักงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการติดต่อประสานงานกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผู้รับผิดชอบงานด้านความปลอดภัยของสำนักงาน และหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานที่มีอำนาจในการกำกับดูแลเฉพาะกรณีที่ได้รับการร้องขอให้มีการตรวจสอบด้านความปลอดภัย

การติดต่อบริษัท

Outsource Staff สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ในกรณีที่มีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะ หรือขอใช้สิทธิของท่าน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่
บริษัท วินเพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด
• ที่อยู่: 1768 อาคารไทยซัมมิท ชั้น 6 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
• เว็บไซต์ : www.winperform.com
คุณรพีพร โรจน์สุพจน์ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
• หมายเลขติดต่อ : 02-123-6676 (จันทร์ – ศุกร์ : เวลา 09.00 น. – 17.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ)
• อีเมล : dpo@winperform.com

การทบทวนและปรับปรุงนโยบาย

    นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Outsource Staff ฉบับนี้ ต้องได้รับการทบทวนทุก 1 ปี นับจากการบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจมีการทบทวนนโยบายดังกล่าวตามระยะเวลาที่เหมาะสม มีความจำเป็น หรือการปรับปรุงแก้ไขที่มีสาระสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล